ร้านถ่ายเอกสารยังไปต่อได้ไหมในเวลานี้?
เชื่อแน่นอนว่าหลายๆ
ท่านที่เคยผ่านการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน
จะต้องมีโอกาสได้ใช้บริการร้านถ่ายเอกสารไม่มากก็น้อย
และก็เชื่ออีกว่ามีหลายท่านไม่น้อยที่มีโอกาสได้ใช้ร้านถ่ายเอกสารเหล่านั้นต่างคิดในใจหรือคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าเรียนจบไปไม่ต้องไปหางานทำหรอก
มาเปิดร้านถ่ายเอกสารดีกว่า นี้เป็นคำพูดที่ได้ยินเพื่อนๆ ผมพูดเสมอเวลาที่เข้าไปใช้บริการถ่ายเอกสาร
เพราะไม่ว่าจะมองดูร้านถ่ายเอกสารกี่ร้านๆ ในมหาลัยต่างมีเพื่อนๆ
นักศึกษาใช้บริการเต็มเกือบตลอดเวลา
ยิ่งช่วงเวลาใกล้สอบร้านถ่ายเอกสารเป็นอะไรที่มีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าเพื่อนๆ
หรือใครคนใดคนนึงมีชีทหรือเอกสารที่เรายังไม่มีในวิชาต่างๆ เราเองก็ต้องหยิบยืมไปก็อปปี้อย่างแน่นอน
จนมีอีกคำพูดตามมาว่าเรียนจบไปต้องมาถ่ายรูปกับเครื่องถ่ายเอกสารที่มีส่วนช่วยให้เราเรียนจบ
ตอนเราเป็นนักเรียนนักศึกษา
ร้านที่เราเข้าออกบ่อยไม่แตกต่างจากร้านเครื่องเขียนเลยก็คือร้านถ่ายเอกสาร ถ่ายกันตั้งแต่สมุดโน้ต
การบ้าน รายงาน รวมไปถึงตำราเรียนต่าง ๆ
บ้างก็มาใช้บริการให้ทางร้านถ่ายเอกสารจัดรูปเล่มรายงานให้ก็มี แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ก้าวไกลไปมาก
ทำให้ความสำคัญของร้านถ่ายเอกสารลดลง เพราะผู้คนสามารถอ่านเอกสารทางอินเตอร์เนต (Internet) หรือกระทั้งสมาร์ทโฟน
(Smart Phone) หรือกระทั่งการส่งงานผ่านอิเล็คทรอนิคเมล์ (Email)
ทำให้ตอนนี้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจในธุรกิจร้านถ่ายเอกสารจึงเกิดอาการลังเลว่ามันจะเติบโตต่อได้หรือไม่
หรือมันหมดยุคของร้านถ่ายเอกสารแล้วในเวลานี้? จริง ๆ แล้วธุรกิจร้านถ่ายเอกสารจะเติบโตต่อไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ประกอบการแต่ละคน
รวมถึงการจัดการและบริหารงานต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุด
คือ การลดต้นทุนอย่างไรที่ยังสามารถรักษาการให้บริการได้มาตรฐานเพื่อเรียกลูกค้าให้กับมาใช้บริการถ่ายเอกสารที่ร้านของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การจะตั้งร้านถ่ายเอกสารได้สักร้านไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด
เพราะรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมากพอสมควร
เพราะบริการภายในร้านถ่ายเอกสารมีหลากหลาย
ไม่ใช่แค่ถ่ายเอกสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะทำร้านถ่ายเอกสารสามารถอยู่ได้
อย่างน้อยก็ต้องลงทุนบวกลงแรงไม่ต่ำกว่าสองแสนบาทขึ้นไป เพราะร้อยละ 80 ของต้นทุนทั้งหมดก็อยู่ที่เครื่องถ่ายเอกสารเป็นสำคัญ
ซึ่งเครื่องถ่ายเอกสารแบบธรรมดาก็ตกราคาสนธิอยู่ประมาณ 60,000 กว่าบาทไปจนถึงแสนกว่า
และแน่นอนว่าเครื่องถ่ายเอกสารธรรมดามันไม่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมสักเท่าไหร่
อย่างน้อยก็ต้องเป็นมัลติฟังชั่นที่สามารถปริ๊นเอกสารและถ่ายเอกสารได้พร้อมกันในเครื่องเดียว
ซึ่งก็มีราคาเครื่องละแสนอัพ นี่ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาต่าง ๆ นานา
ถ้าผู้ประกอบการพอมีความรู้สามารถแก้ไขจุดบกพร่องได้เองก็จะประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้มาก
ยิ่งร้านถ่ายเอกสารร้านไหนใช้พื้นที่เป็นของตนเอง (ไม่ใช่เช่าสถานที่)
มีการดูแลจัดการภายในครอบครัวตัวเองก็ค่อนข้างที่จะได้กำไรมากกว่าร้านถ่ายเอกสารร้านอื่นพอควร
ในส่วนของทำเลที่ตั้ง
ถ้าเป็นสมัยก่อนทำเลทำกำไรของร้านถ่ายเอกสารมักจะตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาและหน่วยงานราชการเป็นสำคัญ
แต่ในปัจจุบันนี้กลุ่มเป้าหมายกลับเปลี่ยนไปเพราะตามสถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการต่าง
ๆ จะมีร้านถ่ายเอกสารของทางหน่วยงานโดยตรงคอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อ
ดังนั้นทำเลทองของร้านถ่ายเอกสารในเวลานี้คือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ชุมชม
และตลาด เป็นต้น
ส่วนเรื่องที่ว่าธุรกิจร้านถ่ายเอกสารยังสามารถเดินต่อไปได้หรือไม่
หรือน่าลงหรือเปล่า ทางผู้เขียนเองคงไม่สามารถฟันธงได้ว่า เติบโต น่าสนใจ
หรือถึงทางตันและไม่น่าลงทุนแล้ว แต่ที่บอกได้ คือ
ในปัจจุบันนี้ยังมีความต้องการทางด้านการบริการถ่ายเอกสารอยู่มากพอสมควร แต่การแข่งขันก็ค่อนข้างสูง
ดังนั้นหาท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจนี้คงต้องคิดให้มากๆ และวางแผนดีๆ
เนื่องจากจำนวนเงินที่ต้องนำมาลงทุน และเงินหมุนวียนนั้นคงไม่ต่ำกว่า 2 แสนแน่ๆ
สำหรับร้านเล็กๆ และถ้าใหญ่ขึ้นอีกก็คงต้องมีครึ่งล้านเป็นอย่างต่ำ
แต่ทุกธุรกิจมีความเสี่ยงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านทุนหรือทำเล
และมองเห็นโอกาสทางการตลาดธุรกิจนี้ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจเหมือน
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
สุดท้ายนี้
บทความนี้เป็นเพียงคิดความส่วนตัวของผู้เขียนที่มีธุรกิจร้านถ่ายเอกสารที่ผู้เขียนต้องการถ่ายออกมาผ่านบทความ
ไม่ได้มีความต้องการชี้แนะ เชิญชวน หรือเสนอขายบริการใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากท่านใดมีความต้องการเปิดร้านถ่ายเอกสารแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรายินดีให้คำปรึกษาครับ หรือเข้าไปอ่านบทความเกี่ยวกับการเปิดร้านถ่ายเอกสารได้ที่เว็บไซต์ของเราที่ www.plathongcopyprint.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น