วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การเข้าเล่มประเภทต่าง ๆ ตอนที่ 1


หากกล่าวถึงร้านถ่ายเอกสาร หลายท่านคงทราบกันดีว่ามีบริการถ่ายเอกสาร ปริ้นเอกสารต่างๆ แต่ท่านเคยสังเกตไหมว่ามีอีกบริการหนึ่งที่ควบคู่ไปกับบริการถ่ายเอกสาร แน่นอนครับที่ผมกล่าวถึงอยู่ คือ การเข้าเล่มประเภทต่างๆ

การเข้าเล่มนั้นถือได้ว่าเป็นบริการที่อยู่คู่กับร้านถ่ายเอกสาร แทบทุกร้านจะมีบริการเข้าเล่มประเภทต่างๆ เพื่อไว้คอยบริการลูกค้า เพื่อทำให้บริการของร้านนั้นๆ ครบวงจร กล่าวคือ one stop service สำหรับงานถ่ายเอกสาร ซึ่งการเข้าเล่มเอกสารนั้น ก็มีอยู่หลายรูปแบบและวิธีการ ขึ้นอยู่กับประเภทงาน และความต้องการของเจ้าของงาน วันนี้เราจึงจะขอกล่าวถึงการเข้าเล่มประเภทต่างๆ เชิญตามมาเลยครับ...

1.      1.  การเข้าเล่มแบบกาวหัว
การเข้าเล่มแบบนี้เหมาะใช้สำหรับพวกใบเสร็จ สมุดบิลเล่มเล็ก สมุดฉีก หรือกระดาษโน้ต ซึ่งเป็นการเข้าเล่เพื่อใช้สำหรับฉีกออกโดยเฉพาะ วิธีการทำก็ง่ายมากสามารถทำใช้ได้เองเลย เพียงแค่เอากระดาษที่ต้องการใช้มาเรียงกันเป็นตั้งให้พอดีไม่หนาจนเกินไป จากนั้นเอากาวลาเท็กซ์ทาที่ขอบด้านบนบริเวณสันกระดาษ จากนั้นก็รอให้กาวแห้งแล้วติดกระดาษห่อตรงหัวเพื่อให้สวยงามก็เป็นอันเสร็จ

2.       2.  การเข้าเล่มแบบไสกาว (ไสสันทากาว)

ป็นวิธีเข้าเล่มที่เป็นที่นิยมมาก และพบได้ทั่วไป เนื่องจากนิตยาสารส่วนใหญ่จะเข้าเล่มแบบนี้ วิธีนี้เข้าเล่มแบบไสกาวจะเก็บงานได้เรียบร้อยและมีราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับการเข้าเล่มวิธีอื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับหนังสือเล่มที่มีความหนาระดับหนึ่งประมาณ 100 หน้าขึ้นไปแต่ไม่เกิน 200 หน้า การเข้าเล่มแบบนี้มีข้อเสียคือทำให้กางหนังสือออกได้ไม่เต็มที่ หากใช้งานไปนาน ๆ ก็จะหลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ ได้ง่าย การเข้าเล่มแบบไสกาวจึงเหมาะกับการผลิตหนังสือที่มีจำนวนหน้าไม่มากในระดับโรงพิมพ์ขนาดเล็กถึงกลาง

3.       3.  การเข้าเล่มแบบไสกาวร้อน

เป็นการเข้าเล่มที่มีลักษณะเหมือนกับการเข้าเล่มแบบไสสันทากาว แต่จะได้งานที่ออกมาสวยงามและคงทนกว่า เพราะการเข้าเล่มแบบไสกาวร้อน จะใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการเข่าเล่ม นั้นคือ เครื่องเข้าเล่มไสกาวร้อน ซึ่งมีทั้งระบบอัตโนมัติไปจนถึงระบบใช้มือโยก (Manual) ซึ่งข้อดีของการใช่เครื่องเข้าเล่มไสกาวร้อนนั้น คือ การเข้าเล่มนั้นแข็งแรงและทนกว่าแบบทากาว เนื่องจากใช้ความร้อนในการละลายกาว แล้วใช้แรงกดทับของเครื่องในการพับสันปก อีกทั้งงานที่ออกมาก็มีความเรียบร้อยมากกว่า เข้าเล่มได้หนากว่า บางเครื่องได้หนาถึง 500 แผ่น หรือประมาณ 6 เซนติเมตร และทำงานได้เร็วกว่า เครื่องบ้างรุ่นสามารถเข้าเล่มได้ถึง 200 เล่มต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว

4.      4.  การเข้าเล่มแบบเย็บอกหรือเย็บมุงหลังคา

เป็นการเข้าเล่มอีกวิธีที่ง่ายมาก ๆ และอาจจะง่ายกว่าวิธีการเข้าเล่มแบบกาวหัวเสียอีก วิธีการเข้าเล่มแบบนี้จะใช้เย็บสมุดจดบันทึกของนักเรียนนักศึกษา สมุดโน้ตย่อทั่วไป แคตตาล็อกสินค้า หรือหนังสือทำมือ วิธีการเข้าเล่มแบบนี้คือสามารถกางได้ออกเต็มที่แต่ไม่เหมาะกับหนังสือที่มีจำนวนหน้าเยอะ วิธีการเข้าเล่มก็คือเอาแผ่นกระดาษทั้งหมดมาเรียงกัน (ไม่เกิน 80 แผ่น) แล้วพับครึ่งตามแนวตั้ง จากนั้นใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บเป็นอันว่าเสร็จแล้ว เป็นไงครับง่ายกว่านี้มีอีกไหม

นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการในการเข้าเล่มครับ เดี๋ยวว่างเว้นขากงานจะมาต่อในส่วนของวิธีการเข้าแบบอื่นๆ น่ะครับ
ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ร้านถ่ายเอกสารยังไปต่อได้ไหมในเวลานี้?

ร้านถ่ายเอกสารยังไปต่อได้ไหมในเวลานี้?

เชื่อแน่นอนว่าหลายๆ ท่านที่เคยผ่านการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน จะต้องมีโอกาสได้ใช้บริการร้านถ่ายเอกสารไม่มากก็น้อย และก็เชื่ออีกว่ามีหลายท่านไม่น้อยที่มีโอกาสได้ใช้ร้านถ่ายเอกสารเหล่านั้นต่างคิดในใจหรือคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าเรียนจบไปไม่ต้องไปหางานทำหรอก มาเปิดร้านถ่ายเอกสารดีกว่า นี้เป็นคำพูดที่ได้ยินเพื่อนๆ ผมพูดเสมอเวลาที่เข้าไปใช้บริการถ่ายเอกสาร เพราะไม่ว่าจะมองดูร้านถ่ายเอกสารกี่ร้านๆ ในมหาลัยต่างมีเพื่อนๆ นักศึกษาใช้บริการเต็มเกือบตลอดเวลา ยิ่งช่วงเวลาใกล้สอบร้านถ่ายเอกสารเป็นอะไรที่มีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าเพื่อนๆ หรือใครคนใดคนนึงมีชีทหรือเอกสารที่เรายังไม่มีในวิชาต่างๆ เราเองก็ต้องหยิบยืมไปก็อปปี้อย่างแน่นอน จนมีอีกคำพูดตามมาว่าเรียนจบไปต้องมาถ่ายรูปกับเครื่องถ่ายเอกสารที่มีส่วนช่วยให้เราเรียนจบ

ตอนเราเป็นนักเรียนนักศึกษา ร้านที่เราเข้าออกบ่อยไม่แตกต่างจากร้านเครื่องเขียนเลยก็คือร้านถ่ายเอกสาร ถ่ายกันตั้งแต่สมุดโน้ต การบ้าน รายงาน รวมไปถึงตำราเรียนต่าง ๆ บ้างก็มาใช้บริการให้ทางร้านถ่ายเอกสารจัดรูปเล่มรายงานให้ก็มี แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ก้าวไกลไปมาก ทำให้ความสำคัญของร้านถ่ายเอกสารลดลง เพราะผู้คนสามารถอ่านเอกสารทางอินเตอร์เนต (Internet) หรือกระทั้งสมาร์ทโฟน (Smart Phone) หรือกระทั่งการส่งงานผ่านอิเล็คทรอนิคเมล์ (Email) ทำให้ตอนนี้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจในธุรกิจร้านถ่ายเอกสารจึงเกิดอาการลังเลว่ามันจะเติบโตต่อได้หรือไม่ หรือมันหมดยุคของร้านถ่ายเอกสารแล้วในเวลานี้? จริง ๆ แล้วธุรกิจร้านถ่ายเอกสารจะเติบโตต่อไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ประกอบการแต่ละคน รวมถึงการจัดการและบริหารงานต่าง ๆ  และที่สำคัญที่สุด คือ การลดต้นทุนอย่างไรที่ยังสามารถรักษาการให้บริการได้มาตรฐานเพื่อเรียกลูกค้าให้กับมาใช้บริการถ่ายเอกสารที่ร้านของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การจะตั้งร้านถ่ายเอกสารได้สักร้านไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด เพราะรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมากพอสมควร เพราะบริการภายในร้านถ่ายเอกสารมีหลากหลาย ไม่ใช่แค่ถ่ายเอกสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะทำร้านถ่ายเอกสารสามารถอยู่ได้ อย่างน้อยก็ต้องลงทุนบวกลงแรงไม่ต่ำกว่าสองแสนบาทขึ้นไป เพราะร้อยละ 80 ของต้นทุนทั้งหมดก็อยู่ที่เครื่องถ่ายเอกสารเป็นสำคัญ ซึ่งเครื่องถ่ายเอกสารแบบธรรมดาก็ตกราคาสนธิอยู่ประมาณ 60,000  กว่าบาทไปจนถึงแสนกว่า และแน่นอนว่าเครื่องถ่ายเอกสารธรรมดามันไม่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ต้องเป็นมัลติฟังชั่นที่สามารถปริ๊นเอกสารและถ่ายเอกสารได้พร้อมกันในเครื่องเดียว ซึ่งก็มีราคาเครื่องละแสนอัพ นี่ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาต่าง ๆ นานา ถ้าผู้ประกอบการพอมีความรู้สามารถแก้ไขจุดบกพร่องได้เองก็จะประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้มาก ยิ่งร้านถ่ายเอกสารร้านไหนใช้พื้นที่เป็นของตนเอง (ไม่ใช่เช่าสถานที่) มีการดูแลจัดการภายในครอบครัวตัวเองก็ค่อนข้างที่จะได้กำไรมากกว่าร้านถ่ายเอกสารร้านอื่นพอควร

ในส่วนของทำเลที่ตั้ง ถ้าเป็นสมัยก่อนทำเลทำกำไรของร้านถ่ายเอกสารมักจะตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาและหน่วยงานราชการเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบันนี้กลุ่มเป้าหมายกลับเปลี่ยนไปเพราะตามสถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ จะมีร้านถ่ายเอกสารของทางหน่วยงานโดยตรงคอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อ ดังนั้นทำเลทองของร้านถ่ายเอกสารในเวลานี้คือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ชุมชม และตลาด เป็นต้น

ส่วนเรื่องที่ว่าธุรกิจร้านถ่ายเอกสารยังสามารถเดินต่อไปได้หรือไม่ หรือน่าลงหรือเปล่า ทางผู้เขียนเองคงไม่สามารถฟันธงได้ว่า เติบโต น่าสนใจ หรือถึงทางตันและไม่น่าลงทุนแล้ว แต่ที่บอกได้ คือ ในปัจจุบันนี้ยังมีความต้องการทางด้านการบริการถ่ายเอกสารอยู่มากพอสมควร แต่การแข่งขันก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นหาท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจนี้คงต้องคิดให้มากๆ และวางแผนดีๆ เนื่องจากจำนวนเงินที่ต้องนำมาลงทุน และเงินหมุนวียนนั้นคงไม่ต่ำกว่า 2 แสนแน่ๆ สำหรับร้านเล็กๆ และถ้าใหญ่ขึ้นอีกก็คงต้องมีครึ่งล้านเป็นอย่างต่ำ แต่ทุกธุรกิจมีความเสี่ยงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านทุนหรือทำเล และมองเห็นโอกาสทางการตลาดธุรกิจนี้ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจเหมือน ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ


สุดท้ายนี้ บทความนี้เป็นเพียงคิดความส่วนตัวของผู้เขียนที่มีธุรกิจร้านถ่ายเอกสารที่ผู้เขียนต้องการถ่ายออกมาผ่านบทความ ไม่ได้มีความต้องการชี้แนะ เชิญชวน หรือเสนอขายบริการใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากท่านใดมีความต้องการเปิดร้านถ่ายเอกสารแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรายินดีให้คำปรึกษาครับ หรือเข้าไปอ่านบทความเกี่ยวกับการเปิดร้านถ่ายเอกสารได้ที่เว็บไซต์ของเราที่ www.plathongcopyprint.com